๑.
ถ้าปลูกเรือนในปีชวด
ให้เอาไม้ราชพฤกษ์ปักเสา จึงยกเสา
๒.
ถ้าปลูกเรือนในปีฉลู
ให้เอาต้นกล้วยและผ้าขาวพันที่ปลายเสาเอก จากนั้นเอาไม้มะตูมปักต้นเสา ๓
กิ่งแล้วจึงยกเสา
๓.
ถ้าปลูกเรือนในปีขาล
ให้เอาข้าว ๓ กระทง น้ำ ๓ ขัน รดต้นเสาแล้วจึงยกเสาขึ้น
๔.
ถ้าปลูกเรือนในปีเถาะ
ให้เอาใบตะเคียน ใบเฉียงพร้าหอมและต้นกล้วยห่อที่ปลายเสาแล้วค่อยยกเสาขึ้น
๕.
ถ้าปลูกเรือนในปีมะโรง
ให้เอาใบมะกรูดพันรอบปลายเสา จึงค่อยยกเสา
๖.
ถ้าปลูกเรือนในปีมะเส็ง
ให้เอาใบทอง ๒ กิ่งผูกที่ปลายเสา จากนั้นเอาข้าว ๓ กระทง ธูปเทียนบูชา
ค่อยยกเสา
๗.
ถ้าปลูกเรือนในปีมะเมีย
ให้เอาใบขี้เหล็กมากวาดตั้งแต่ปลายเสาลงมาจนถึงต้นเสา ๓ ครั้ง
และเอาน้ำสะอาดรดปลายเสา
ครั้นไก่ขันแล้วจึงยกเสา
๘.
ถ้าปลูกเรือนในปีมะแม
ให้เอาใบเงิน ๓ ใบ ใบหมากผู้ ๓ ใบ ใบหมากเมีย ๓ ใบ ต้นกล้วย ต้นอ้อยใส่ในหลุม
แล้วจึงยกเสา๙., ๑๐.
ถ้าปลูกเรือนในปีวอกหรือปีระกา
ให้เอาเทียน ๓ เล่ม เอาไปผูกข้างเสาหัวนอนแล้วจึงยกเสา
๑๑., ๑๒. ถ้าปลูกเรือนในปีจอหรือปีกุน
ให้เอาข้าวตอกและใบบัวบกรองต้นเสา แล้วจึงยกเสา
ตำรายกเสาเรือน
หากคุณจะสร้างบ้านเรือน และยกเสาเอก
ควรกระทำให้ถูกตามตำราดังนี้
ยกเสาเรือนเดือน ๔, ๕, ๖ ให้ยกเสาเอกทางทิศอาคเนย์
(ตะวันออกเฉียงใต้) จะเกิดโชคลาภ เป็นสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัย
ยกเสาเรือนเดือน ๗, ๘, ๙ ให้ยกเสาเอกทางทิสหรดี
(ตะวันตกเฉียงใต้) ผู้อยู่อาศัยในเรือน ปลอยภัยไร้โรคภัย มีโชคลาภดีนักแล
ยกเสาเรือนเดือน ๑๐, ๑๑, ๑๒ ให้ยกเสาเอกทางทิศพายัพ
(ตะวันตกเฉียงเหนือ) จะเกิดสิริมงคล พ้นเคราะห์ภัย ไม่อับจน
ยกเสาเรือนเดือน ๑, ๒, ๓ ให้ยกเสาเอกทางทิศอีสาน
(ตะวันออกเฉียงเหนือ) จะอยู่ดีกินดี เป็นมหาสิริมงคลแก่ผู้อยู่อาศัยเรือนนั้น
หมายเหตุ:
โบราณาจารย์ทั้งหลายท่านว่าไม่ควรปลูกเรือน
สร้างบ้านที่อยู่อาศัย ในเดือน ๑, ๓, ๕, ๗,
๘, ๑๐, ๑๑